6 ก.ย. 2563

เลนส์เก่า เล่าใหม่ #6 Olympus G.Zuiko Auto-S 40mm 1.4 PenF ตัวเจ็บ

 สวัสดีครับวันนี้เราจะมาพูดถึงเลนส์เก่าของ Olympus อีกตัวนึง นั่นก็คือ Pen F 40mm 1.4 ซึ่งเป็นเลนส์ใน System แรกของ Olympus ก่อนที่จะหยุดการพัฒนาและมาพัฒนา OM แทน ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ผมขอเล่าเรื่องประวัติของ PenF สักนิดหน่อยเพื่อจะได้มีที่มาที่ไป จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้ก็คืออยากให้เป็นฐานข้อมูลที่อัพเดทที่สุด สำหรับคนที่ต้องการ ผมเสียเวลากับการหาข้อมูลมาพอสมควร คนที่เจอกระทู้นี้จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนผม

หวังว่าผู้อ่านคงจะได้ประโยชน์จากกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ

[ข้อมูลส่วนใหญ่ได้จากค้นหาและเรียบเรียงใหม่โดยผมเอง โดยจะมีลิ้งค์ข้อมูลอ้างอิง หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ขออนุญาตคัดลอกโดยไม่ได้บอกกล่าวกับเจ้าของบทความนะครับ]

Olympus ในยุคแรกๆนั้นได้ผลิตกล้องฟิลม์ Half frame ออกมาในซีรีย์ PEN โดยการออกแบบของ  Mr.Yoshihisa Maitani ผู้มีคุณานุปการกับบริษัท OLYMPUS มากมาย และเป็นโปรเจคแรกๆที่  Mr.Yoshihisa Maitani

ได้ทำขึ้น โดยที่เป้าหมายนั่นก็คือ โครงการทำกล้องถ่ายรูปราคาถูก โดยกำหนดให้ราคาไม่เกิน 6000 Yen ต้องจินตนาการนะครับว่าสมัยนั้นกล้องถ่ายรูปก็แพงพอๆกับกล้องดิจิทัลสมัยนี้ละครับ เงินเดือนเริ่มของพวกจบ ป.ตรี ก็ประมาณ 10,000 Yen +- กล้องถูกสุดในสายการผลิตของOlympus ขณะนั้น 23,000 Yen ครับ แต่นี่คือจุดเรี่มของ กล้องPen ตำนานแรกทีMaitani เติมแต่งให้กับ Olympus

[Half Format ในความเข้าใจของผมนั่นก็คือ ปกติฟิลม์ทั่วไปถ่ายได้ 36 ภาพ แต่


กล้อง Half Frame นั้นใช้ฟิลม์ปกติแต่สามารถถ่ายภาพได้อีกเท่านึงเป็น 72 ภาพ เหมือนกับเอาฟิลม์ปกติมาแบ่งครึ่งทำให้ถ่ายได้จำนวนภาพมากขึ้นนั่นคือข้อดี ข้อจำกัดคือภาพจะเล็กลงขยายได้น้อยลง คุณภาพจะสู้แบบ Full Frame ไม่ได้ ในยุคนึงที่กล้อง Halfframe ได้รับความนิยม และเป็น Format ที่มีให้เห็นได้ในหลายยี่ห้อครับ ไม่ใช่แค่ Olympus เท่านั้น]

ในเดือนตุลาคม 1959 Pen วางตลาดและขายอย่างถล่มทลาย แนวคิดการออกแบบของ Maitani ได้รับการพิสูจน์เป็นครั้งแรก

หลังจากวางตลาดกล้อง Pen ตัวแรก ในปลายปี 1959 Maitani ก็ได้ถูกมอบหมายให้พัฒนา Pen อีกหลาย Version ทั้งที่ยังตรงตามแนวคิดเดิมของเขาคือกล้องสำรองสำหรับผู้ใช้Leica และ แนวคิดเอาใจตลาดคือเน้นการใช้ง่าย ผู้หญิงใช้ได้ด้วยตัวเอง มาดูใบปิดโฆษณาของPenกัน


ลองดูภาพของกล้องแต่ละรุ่นกันครับ

Pen35 PenW

Pen D ครับ ชุด Pen D นี่จะหรูหน่อยตามที่Maitaniจะให้เป็นกล้องสำรองของคนใช้Leica พวกชุดหรูของบริษัทOlympusนี่ lens จะสว่างๆ อย่างสองตัวนี้ก็ f1.9

Pen EE กล้องชุดPen นี่บ้านเราเรียกกล้องปัญญาอ่อนนะครับ เพราะมันถ่ายง่ายมากๆ รูปก็สวย

ในปี ปี 1963 กล้อง Half frame format (18x24) Single lens Reflex Camera / The Pen-F ก็ได้เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ Pen เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้แต่ PenF สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว

ดูขนาดความเล็กของกล้องและเลนส์สิครับ

ในยุคที่ญี่ปุ่นได้ชื่อเสียงที่เลวว่าเป็นนักก๊อปปี้ บุคคลที่คิดย้อนกระแสและมีแนวคิดเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้น่าศึกษานะครับ ในงานPhotokina ปี 1963 ก็มีบริษัทที่คิดเช่นนี้ครับLeitz แห่งเยอรมันนี เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุว่าปกติ Leica มักจะเป็นเป้าหมายในการก๊อปปี้แต่หลังจากวิศวกรของLeitzเข้าชม (มาจับผิดนั่นแหละ) Pen-F และทดสอบด้วยตัวเองกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงกับเปล่งอุทานว่า "Excellent!" ครั้งนี้ตัวMaitani เองถือว่าเป็นความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งของเขาที่ได้รับการยอมรับจาก บริษัทที่เขาเองนับถือในความเป็นOriginal


นอกจากคำชม บรรดาวิศวกรของLeitz ก็หมายตา Maitani และ Olympus เป็นพิเศษ ไม่ใช่ในฐานะนักก๊อปปี้ แต่เป็นบริษัทคู่แข่งที่มีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นมาทัดเทียมกัน [อยากให้มีในบ้านเราเมืองเราบ้าง..] Maitani สร้างตำนานให้บริษัทไปสองตำนานแล้วนะครับ ภาพวางคู่กันระหว่าง Pen-1959,Pen-F-1963

รุ่นทั้งหมดของ Pen-F Series

1963 Pen-F

1966 Pen-FT

1966 Pen-FT Black

1966 Pen-FTV

1968 Pen-F Microscope

1969 Pen-FT Microscope


เลนส์ระยะต่างๆ [ไม่นับที่นักล่าช้างเอางานะครับ ^_^]

Pen ปิดสายการผลิตลงเมื่อปี 1970 และก็เปิดสายการผลิตและตำนานบทใหม่นั่นคือ OM System นั่นเองรายละเอียดสามารถหาอ่านได้จากส่วนอ้างอิงของน้ากว้างใหญ่ และ กระทู้เลนส์เก่าเล่าใหม่#2ของผมได้ครับ


  ส่วนเลนส์ตัวที่ผมจะพูดถึงคือตัวนี้เองครับ มาดูหน้าตากัน Olympus PenF 40mm 1.4 เลนส์ตัวนี้มีการเคลือบสาร ทอเรี่ยมมาที่ชิ้นเลนส์ด้วย นั่นคือสารกัมมันตรังสี นิยมใช้กันในยุคนึง เพื่อลดอาการขอบเขียวขอบม่วง หลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ชิ้นเลนส์โดยตรงจะดีที่สุดครับ โฉมหน้ารวมฝาปิดเลนส์ F Gothic ตัวนี้แค่เห็นรู้สึกว่ามีเสน่ห์บางอย่างบอกไม่ถูก

เม้าท์เป็นเม้าท์เฉพาะของ PenF

ระยะเข้าใกล้ สามารถเข้าใกล้ได้มากสุดอยู่ที่ 0.35 Ft [ฟุต] หรือ 1.5 Mt[เมตร]

พอปรับเลนส์มาที่ระยะ Infinity เลนส์จะหดสั้นลงที่สุด

วงแหวนปรับรูรับแสงอยู่ด้านบน ส่วนวงแหวนโฟกัสอยู่ด้านล่าง F ไม่คลิกทำให้สามารถใช้ค่าที่อยู่ก่ำๆกึ่งๆของแต่ละ F ได้

สิ่งที่แปลกคือ เวลาเราประกบเลนส์เข้ากับกล้องมันจะสลับกับกล้องฟิลม์ตรงที่ ค่ารูรับแสงต่างๆจะไปอยู่ด้านล่าง แต่จะมีตัวเลขเป็นไกด์ให้ปรับจะอยู่ด้านบน แทนค่าที่ 0 = 1.4 1 = 2.8 ต้องกะๆเอา [แต่ในกล้องฟิลม์ PenF ค่าปรับรูรับแสงจะอยู่ด้านบน ตัวเลขไกด์เหล่านี้จะอยู่ด้านล่าง]

ปกติจะเป็นแบบนี้ แต่พอใส่ผ่าน Adaptor มันจะสลับกัน

มาดูใบเบลดรูรับแสงกัน เปิดกว้างสุดเป็นกลมๆ หรี่มาเป็นห้าเหลี่ยมปลายมนๆ


เปิดที่ 1.4

เปิดที่ 2.8

เปิดที่ 4

เปิดที่ 16

ตัวเลนส์มีขนาดเล็กมาก เทียบกับ Panasonic 12-32 ซึ่งเป็นเลนส์คิตที่เล็กมากๆขนาดๆพอๆกัน

หากใส่อแดพเตอร์ก็จะยาวกว่ากันนิดหน่อย

เลนส์มันมีความหล่ออยู่ในตัวเองมากๆ ประกบบอดี้ใดๆก็ดูดี อย่างบอกไม่ถูก มีความน่าหลงใหลบางอย่างซ่อนอยู่ภาพใต้ F Gothic เลนส์นายแบบชัดๆ

กลับมาเข้าที่เนื้อหาสาระกันต่อ เลนส์ตัวนี้ถ้าใส่ FF จะติดขอบดำพอสมควร แต่ถ้าใส่ใน Apsc หรือ M43 จะไม่ติดขอบดำ โบเก้บน FF จะวนๆนิดนึง ส่วนบน M43 ลองดูจากในภาพประกอบได้ครับ

เปิดที่ 1.4





เปิดที่ 2.8


เนื่องจากว่าเลนส์ตัวนี้เคลือบชิ้นเลนส์แบบ Single Coat เมื่อย้อนแสงจะมีแฟลรอยู่พอสมควร




มาดูภาพตัวอย่างที่ได้จากเลนส์ตัวนี้กันครับ ภาพไม่ได้แต่งนะครับหลังกล้องมาย่อใส่ลายน้ำเท่านั้น
*ผมถ่ายด้วยกล้อง Olympus OMD EM1 , OMD EM5 และ Panasonic GX7 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ m4/3 ภาพจากเลนส์ตัวเดียวกันนี้หากถ่ายด้วยกล้องที่เซนเซอร์ต่างขนาดกันไปเช่น APSC หรือ FullFrame  อาจจะได้ลักษณะโบเก้ที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ เรียกว่าต่างเซนเซอร์โบเก้ไม่เหมือนกัน แต่โทนของภาพจะเคียงกันครับ*

ในพื้นที่แสงน้อย สามารถเก็บรายละเอียดส่วนมืดได้ดีมาก


สีสันจะเข้มๆคนละสไตล์กับเลนส์ตระกูล OM





.

ลองมาดูภาพบุคคลดูบ้าง ส่วนมากจะเปิดกว้างสุดสลับกับ F2 เลนส์ตัวนี้ที่ F แรกคมพอสมควรมีฟุ้งบางนิดๆ แต่จะฟุ้งน้อยกว่า OM 50 1.4 มากเรียกได้ว่าพึ่งพากันได้ตั้งแต่ F แรก และให้ Skintone สวยงามถูกใจ ผบ. ถ่ายภาพบุคคลนี่น่าจะถูกใจสาวๆมากพอสมควร










เลนส์เก่าๆมักจะออกแบบมาเน้นให้ถ่ายภาพสีได้สีสันสมจริงและถ่ายขาวได้ดีระดับนึง เลนส์ตัวนี้ก็เช่นกัน ถ่ายภาพขาวดำได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว









คลิบบ่นๆ

ทริกในการปรับวนแหวนหน้าเลนส์ตัวนี้ให้เปลี่ยนจาก ไกด์12345 เป็นค่ารูรับแสงที่เราใช้

ข้อดีที่ผมเจอ
- คมตั้งแต่ F แรก ที่ 1.4 มีฟุ้งนิดๆ แต่ไม่มากเท่าเลนส์ OM 50 1.4  แต่มีคนลือว่า 38mm 1.8 ที่ F - แรกจะคมกว่าตัวนี้ แน่ล่ะ 1.8 นี่นา
- สีสันเข้มสวย แต่ไม่หวาน ให้ Skintone สวยมากๆ
- เลนส์เก็บ Detail ส่วนมืดได้ดี ส่วนตัวคิดว่าทำได้ดีกว่า OM เสียอีก
- ถ่าย Close Focus ได้ดีมากๆ เข้าใกล้แบบได้มาก
- ถ่ายขาวดำได้สวยงาม เพราะเป็น SingleCoat โดยมากเลนส์ Single Coat มักจะถ่ายขาวดำได้ดี และได้สีสมจริงๆ
- F ไม่คลิก ทำให้สามารถใช้ F ก่ำๆกึ่งๆของแต่ละค่าได้ ซึ่งส่วนตัวชอบใช้ค่าเหล่านี้มากๆ
- ระยะ 40mm ใช้บน M43 กลับไม่อึดอัด หากเทียบกับเลนส์ Auto Focus 45mm 1.8 ของ Olympus เอง เจ้าตัว 45 กลับอึดอัดมากกว่า 40 เยอะเลย ไม่น่าเชื่อต่างกันแค่ 5mm ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากเลยทีเดียว [อาจจะเป็นเพราะความสามารถในการ Close Focus ด้วย]

ข้อจำกัด
- ใส่ Fullframe ติดขอบดำ
- ฝาหลังแพง แบบไม่มีเหตุมีผล


  สรุป เป็นเลนส์ระยะใกล้ๆ Normal ที่ดีอีกตัวนึง ให้สีสันที่เข้ม สีตรง ในขณะเดียวกันก็สามารถถ่ายขาวดำได้ดี เลนส์ SingleCoat มักจะมีแฟลรรบกวนมากพอสมควรเมื่อต้องถ่ายภาพย้อนแสง แต่ปัญหาเหล่านี้แก้ไดเด้วยการใช้ Hood ไม่ก็โยกหลบมุมเสีย เป็นเลนส์ที่มีขนาดเล็กมาก พอพกพาง่ายถ่ายไม่อึดอัด

หวังว่าข้อมูลส่วนนี้คงจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจเลนส์ตัวนี้อยู่ ขอบคุณมากครับที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้ ลากันเท่านี้ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น