สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงเลนส์มือหมุน เป็นแบรนเยอรมันที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับ Leica ราคาในจับต้องได้ [ในบางรุ่น] นั่นก็คือ Carl Zeiss เป็นแบรนที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียวครับ Carl Zeiss เติบโตจากการทำกล้องจุลทรรศน์และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ครับ แล้วก็พัฒนาเรื่อยมาจนผิตชิ้นเลนส์ที่มีคุณภาพสูงมากๆครับ ชื่อ "Jena" เป็นชื่อเมืองที่มีโรงงานผลิต ในเยอรมันตะวันออกครับ ข้อมูลส่วนประวัติศาสตร์เกิดจากการรวบรวมข้อมูลของผมเอง หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เรามาลองดูประวัติคร่าวๆกันครับ
คุณคาร์ล ไซส์ (Carl Zeiss) แกเป็นช่างฝนเลนส์ชาวเยอรมันช่างฝนเลนส์ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอกเดิมทีการผลิตชิ้นเลนส์ในยุคแรกๆของอุสหกรรมการผลิตเลนส์ในเยอรมันนั้นใช้วิธีการหลอมชิ้นแก้วแล้วนำชิ่นแก้วที่ได้มานั่งฝนนั้งขัดกันทีละชิ้นด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ได้ขนาดความโค้งเว้านูนตามทฤษฏีทางฟิสิกส์ของนักออกแบบชิ้นเลนส์ในสมัยนั้น
คุณคาร์ล ไซส์ (Carl Zeiss) เกิดที่เมืองไวมาร์เยอรมันนี ศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และวิชาเกี่ยวกับการมองเห็น (Optics)ที่มหาวิทยาลัยเจนา (Jena University) จากนั้นก็เริ่มเปิดกิจการเล็กๆเป็นของตนเองคือร้านรับจ้างฝนเลนส์ ผลิตเลนส์สำหรับแว่นสายตาและกล้องจุลทรรศน์
ในปี 1846 เขาได้พบกับ เอิร์นต์แอ็บเบ้ (Ernst Abbe) นักฟิสิกส์และเคมี*(ผู้ให้กำเนิดทฤษฏีทางฟิสิกส์ที่เป็นต้นแบบในการผลิตชิ้นเลนส์ในเวลาต่อมา) และได้ก่อตั้งบริษัท Zeiss ในการผลิตชิ้นเลนส์สำหรับกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ในการแพทย์ร่วมกันผลงงานของพวกเขาได้รับการยอมรับและนิยมอย่างมากทั้งในการแพทย์และการทหารในสมัยนั้น
หลังจากนั้นเขาก็เข้าสู่ธุรกิจการผลิตเลนส์สำหรับถ่ายภาพยนต์และเลนส์สำหรับถ่ายภาพ ซึ่งก็ได้รับความนิยมในด้านของคุณภาพอย่างมากมายเช่นกัน
คาร์ล ไซส์ (Carl Zeiss) เกิดเมื่อวันที่11กันยายน ค.ศ 1816 และเสียชีวิตเมื่อวันที่3 ธันวาคม ค.ศ 1888...
หลังจาก คาร์ล ไซส์เสียชีวิตลูกชายของเขาก็เข้ามาบริหารกิจการต่อต่อ หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2เมืองเจนาถูกกองทัพพันธมิตรยึดครอง(ไม่ใช่เสื้อเหลืองแต่เป็นอเมริกา)เยอรมันถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเยอรมันตะวันตกกับเยอรมันตะวันออกโรงงานของไซส์ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองแห่งเช่นกันคือในฝั่งเยอรมันตะวันออกถูกฝ่ายรัสเซียเข้ายึดครองและเปลี่ยนชื่อเป็น "ไซส์เจนา" (Zeiss Jena) ผลิตกล้องถ่ายภาพขนาด 35 มม.
ส่วนลูกชายและผู้สืบทอดในรุ่นต่อๆมาก็อพยพหนีระบบสังคมนิยมคอมมิวนิตส์มาตั้งโรงงานใหม่ในฝั่งเยอรมันตะวันตกและตั้งชื่อโรงงานใหม่ว่า "CarlZeiss AG” ผลิตเลนส์ที่มีคุณภาพชั้นดีตรงตามที่ คาร์ล ไซส์ (CarlZeiss)เคยตั้งปณิทานเอาไว้ก่อนเสียชีวิตดังนั้นเราจึงมักเห็นได้ว่า เลนส์จากคาร์ล ไซส์ (Carl Zeiss)ที่สกรีนใต้กระบอกเลนส์ทุกตัวว่า Made In West Germany จะมีราคาสูงมาก เพราะมันคือต้นแบบจากจิตวิญญานของคุณคาร์ล ไซส์ (CarlZeiss)จากรุ่นสู่รุ่น.....มันคือของแท้และดั่งเดิม
ในปี ค.ศ.1946 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยนะ ในปีนี้เป็นปีที่ จอร์จ วอล์กเกอร์ บุช (George Walker Bush) หรือGeorgeW. Bush เพิ่งเกิด) บ.จากญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Kyocera ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพภายใต้ยี่ห้อ Yashica ได้ติดต่อทางการค้ากับ Carl Zeiss AG ให้ช่วยออกแบบและควบคุมคุณภาพการผลิตเลนส์ให้โดยมีฐานการผลิตอยู่ในญี่ปุ่นเพื่อเป็นการลดค้าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงจึงได้มีการทำข้อตกลงกันให้ผลิตเลนส์ที่มีชื่อแบรนด์ของ Carl Zeiss ในญี่ปุ่นได้ (จึงมีเลนส์ Carl Zeiss รุ่นต่างๆที่สกรีน Made in Japan ในราคาที่ถูกลงจากเดิมในเวลาต่อมา)...
หลายท่านที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์และตราสินค้า Zeiss มักจะเกิดคำถามว่า “ใช่บริษัทเดียวกับ Carl Zeiss หรือไม่” หรือ “เคยเห็นแต่ตราสินค้า Carl Zeiss Jena” หรือ “บริษัทเดียวกับกล้อง Zeiss Ikon หรือเปล่า” หรือ “Carl Zeiss Jena เป็นของเยอรมันตะวันออก และ Zeiss เป็นเยอรมันตะวันตก”ฯลฯ
ยอดบริษัทด้านนวตกรรมในเรื่อง Optics และFine Mechanic เยอรมันบริษัทนี้มีอายุนานถึง 160 กว่าปีแล้วและผ่านยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวายของประเทศมาอย่างมั่นคง และยังคงความเป็นยอดนวตกรรมมาจนถึงทุกวันนี้ เรามาลองดูกันว่าแต่ละชื่อในแต่ละยุค มันแตกต่างกันอย่างไร
สรุป เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ดีมากๆตัวนึงครับ มีเอกลักษณ์คือคอนทราสจัดสีเข้ม ตามสไตล์เยอรมัน แต่เจ้าตัวนี้ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการดึงเก็บดีเทลในส่วนมืด จนน่าตกใจในหลายภาพตัวอย่างข้างบนครับ โดยส่วนตัวผมว่าเก็บดีเทลส่วนมืดได้ดีกว่า เลนส์ดิจิตอลของ Olympus ที่ผมมีอยู่ซะด้วยครับ!! ข้อเสียที่ควรต้องระวังแต่ไม่มากจนระแวงคือ วงแหวนโฟกัสจะหนืดครับ เลนส์ Carl Ziess เก่าๆโดยมากวงแหวนนี้จะชอบหนืดครับ เลนส์ตัวนี้มีค่าตัวจัดอยู่ในระดับกลางๆครับ อยู่ในเกรดที่เหนือกว่าเลนส์ญี่ปุ่นทั่วๆไปก็ว่าได้ จริงๆแล้วตระกูล Pancolar จะมีอีกสองระยะและเริ่มหายาก นั่นก็คือ 50mm 1.4 เม้าท์ Praktica กับ 55mm 1.4 m42 ตัว 50 1.4 ดูภาพจาก คห.ที่2 ได้เลยครับ ส่วน 55 1.4 หายากมากๆราคาโดดไปไกลกว่า 50 1.8 มากเลยทีเดียวหวังว่าข้อมุลส่วนนี้ คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการหาเลนส์ตัวนี้มาลองใช้ครับ ลากันไปเท่านี้ครับ สวัสดีครับป.ล.ภาพตัวอย่างจากเลนส์ตัวนี้*ผมถ่ายด้วยกล้อง Olympus OMD EM1 และ OMD EM5 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ m4/3ภาพจากเลนส์ตัวเดียวกันนี้หากถ่ายด้วยกล้องที่เซนเซอร์ต่างขนาดกันไปเช่น APSC หรือ FullFrame อาจจะได้ลักษณะโบเก้ที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ เรียกว่าต่างเซนเซอร์โบเก้ไม่เหมือนกันแต่โทนของภาพจะเคียงกันครับ*ขอเชิญแจมรูปภาพ หรือ ข้อมูล จากสมากชิกที่มีภาพจากเลนส์ตัวนี้หรือแบรนนี้ เชิญลงเสริมเพิ่มเติม ได้นะครับ**หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ**
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น